โรค NCDs ต้านได้ด้วยเครื่องดื่มจากเปลือกกาแฟเชอรี่ ที่จากเดิมเคยเป็นเพียง “ขยะ” เหลือทิ้ง แต่ตอนนี้กลายเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสุขภาพที่สามารถต้านโรคร้ายได้ ด้วยการค้นพบครั้งใหม่ และความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมของ Hillkoff กอปรเป็น "Coffogenic" เครื่องดื่มจากเปลือกผลเชอรี่กาแฟ นวัตกรรมใหม่ที่สามารถช่วยป้องกันการเกิดกลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable Diseases) และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ในเวลาเดียวกัน
จุดเริ่มต้นของผลสำเร็จมักเกิดจากปัญหาที่เราพบ และความมุ่งมั่นที่จะหาทางแก้ไข ก่อนหน้านี้เปลือกของกาแฟเชอรี่ (Coffee Cherry) เป็นเพียงวัตถุดิบเหลือทิ้ง หลังจากกระบวนการแปรรูปเมล็ดกาแฟสดเสร็จสิ้นลง กลายไปเป็นขยะที่ยากต่อการกำจัด ยิ่งหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะเกิดน้ำเสียไหลออกมา หากนำไปทิ้งในแหล่งน้ำก็จะทำลายระบบนิเวศในพื้นที่ได้ Hillkoff จึงเล็งเห็นถึงปัญหา และมุ่งหาทางแก้ไข โดยใช้การศึกษาค้นคว้าวิจัยเข้ามาช่วย จนสามารถยกระดับคุณค่าของเปลือกเชอร์รี่กาแฟตัวนี้ จากขยะเหลือทิ้งให้กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ พร้อมทาน ที่มีส่วนช่วยในการป้องกันโรค NCDs ได้
จากการค้นคว้าวิจัยมาอย่างยาวนานกับสถาบันวิจัยที่น่าเชื่อถืออย่าง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่า เปลือกของเมล็ดกาแฟเชอรี่ มีสาร Chlorogenic Acid ที่สามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ย่อยไขมัน ทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides)ในเลือดลดลง ช่วยป้องกันการสะสมของไขมันในร่างกายและไขมันในตับได้ เป็นผลดีอย่างมากต่อผู้มีความเสี่ยงเป็นโรคไขมันพอกตับ (Fatty liver) ลดภาวะดื้ออินซูลินที่มักจะเกิดกับผู้ที่มีปัญหาโรคอ้วนและโรคเบาหวาน ช่วยเพิ่มขนาดของไมเซลคอเลสเตอรอลให้ร่างกายดูดซึมคอเลสเตอรอลได้น้อยลง ทำให้ระดับคลอเรสเตอรอลทั้งหมด โดยเฉพาะคอเลสเตอรอลไม่ดีในเลือดลดลง และที่สำคัญคือมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งต่าง ๆ ได้ ทั้งนี้ใครที่อยากคุมน้ำหนัก สาร Chlorogenic Acid ในเมล็ดกาแฟตัวนี้ก็เป็นตัวช่วยในการลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดได้ดีไม่ใช้น้อยเลยทีเดียว
สาร Chlorogenic Acid นี้จึงเป็นตัวพลิกเกมให้กับเปลือกเชอรี่กาแฟที่จากเดิมเคยเป็นเพียงขยะรอวันเน่าเสีย แต่เมื่อ Hillkoff ได้เข้าไปค้นพบคุณค่าที่ถูกแอบซ่อนไว้ และนำมายกระดับผ่านกระบวนการค้นคว้าวิจัยอย่างรอบด้าน และพัฒนาให้เจ้าเปลือกกาแฟเชอรี่นี้กลายมาเป็น “Coffogenic” เครื่องดื่มสุขภาพ ที่นอกจากรสชาติจะอร่อย ทานง่ายแล้วยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพและภูมิคุ้มกันสำคัญอีกด้วย โดยเฉพาะกลุ่มโรคไม่ติดต่อ NCDs
โรค NCDs คือ กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases) เป็นโรคที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ แต่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมเสี่ยงจากการบริโภคสะสม จนเกิดเป็นอาการเรื้อรังของโรคกลุ่ม NCDs หรืออาจเรียกได้ว่า “NCDs โรคที่คุณสร้างเอง” ก็ได้ ซึ่งโรคในกลุ่ม NCDs ก็จะมีตั้งแต่ โรคระบบหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคเบาหวาน, โรคมะเร็ง, โรคระบบทางเดินหายใจ, โรคไตเรื้อรัง, โรคอ้วน, โรคตับ, โรคสมองเสื่อม เป็นต้น แน่นอนว่าโรคต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้ร้ายแรงเหมือนกับโรคติดเชื้ออื่น ๆ แต่จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่า กลุ่มโรคเหล่านี้คร่าชีวิตผู้ป่วย NCD ชาวไทยไปกว่า 300,000 คนต่อปี และยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี และจากโรค NCDs ทั้งหมดที่ได้พูดถึงข้างต้น กรดคลอโรจีนิค แอซิด ที่เราพบในกาแฟเชอรี่นั้นมีคุณสมบัติสำคัญที่สามารถเข้าไปยับยั้งหรือชะลอการเกิดขึ้นของโรคเอ็นซีดีต่าง ๆ เหล่านี้ได้ ดังนี้
เมื่อเรารู้ถึงคุณค่าและประโยชน์ของสารสกัดจากเนื้อผลกาแฟกันไปแล้ว ต่อไปเราจะมาพูดถึงการเดินทางของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม Coffogenic Drink ตัวนี้กัน โดยทางฮิลล์คอฟฟ์ได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้เข้ามาช่วยศึกษาและทำความรู้จักกับเนื้อผลกาแฟเชอร์รี่นี้ ได้มีการค้นคว้าวิจัยเพื่อค้นหาเทคนิคและกระบวนการผลิตที่เหมาะสมกับธรรมชาติของวัตถุดิบตัวนี้ที่มีรสชาติเฝื่อนและเปรี้ยวนำเป็นหลัก จนได้ผลที่เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคและยังคงคุณค่าสารสำคัญไว้ได้ เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ “Coffogenic Drink” เครื่องดื่มเสริมอาหารจากผลกาแฟเชอรี่ นวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพยุคใหญ่ที่ช่วยยับยั้งและชะลอการก่อตัวของโรคกลุ่ม NCDs ถือเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่เหมาะสมกับคนทั่วไปและผู้มีความเสี่ยงเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังกลุ่มนี้อย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ในปัจจุบัน Coffogenic Drink ได้รับการลงทะเบียนให้เป็นอาหารใหม่ (Novel food) ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่เคยมีผู้ค้นพบมาก่อน และเรา Hillkoff คือเจ้าแรกที่ค้นพบและสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างลงตัว หากสนใจต้องการสั่งซื้อ ลองเข้ามาเลือกชมได้เลยที่ Hillkoff.shopพร้อมจัดส่งให้ทุกที่ ทั่วไทย
นอกจาก Coffogenic จะเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีประโยชน์มหาศาลแล้ว ยังเป็นผลิตภัณฑ์รักษ์โลกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เนื่องจากถูกผลิตภายใต้ความตั้งใจที่จะลดการสร้างขยะตั้งแต่เริ่มต้น ดังจะเห็นได้จากการแปรรูปเปลือกกาแฟเชอร์รี่ให้กลายเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าได้ จนสามารถลดการเกิดขยะ และมลภาวะจากขยะได้ นอกจากนี้ในระหว่างการผลิตก็มีการใช้พลังงานธรรมชาติ อาทิ Parabolar Dome เข้ามาช่วย เพื่อหยุดกระบวนการเน่าเสียของเนื้อผลกาแฟ และเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมสำหรับการแปรรูป เมื่อไม่มีของเน่าเสีย ก็ไม่เกิดมลภาวะจากการทำลาย ส่งผลให้ค่า CARBON EMISSION หรือ Carbon Footprint ลดลง ดังจะเห็นได้จากการได้รับการยอมรับจากองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจกแห่งประเทศไทย ว่ามีค่า CARBON EMISSION สำหรับกระบวนการผลิต Coffogenic ลดลงได้ถึง 16%
อาจเรียกได้ว่ามันคือความสำเร็จที่เราสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สร้างคุณประโยชน์ทั้งต่อร่างกายและต่อสิ่งแวดล้อมได้ แต่ในอีกมุมหนึ่ง Hillkoff มองว่านี่คือจุดเริ่มต้น และเป็นประตูสู่ความยั่งยืนอีกหลายบานต่อจากนี้ ไม่เพียงแค่ต่อตัว Hillkoff เองในเชิงธุรกิจ แต่ยังแผ่ขยายความยั่งยืนนี้สู่พันธมิตร อย่างเกษตรกรชาวไทยภูเขา และเพื่อนร่วมทางของเราอีกหลายฝ่าย เพื่อก่อร่างสร้าง “ความยั่งยืน” หมุดหมายสำคัญที่เรากำลังเดินทางไปหา…