Last updated: 22 พ.ค. 2566 | 2179 จำนวนผู้เข้าชม |
ในช่วงของสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่ค่อยนิ่ง ไม่ว่าธุรกิจแบบใดก็ตามรวมถึงธุรกิจร้านกาแฟนั้นจำเป็นต้องมีการวางระบบและเอาใจใส่ในทุกส่วนของต้นทุนที่นำมาใช้เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปให้ได้ และเพราะเหตุนี้การที่เราสามารถควบคุมการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายภายในร้านลงได้นั้นก็จะสามารถช่วยให้ร้านยังคงเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ และยังสามารถสร้างแนวโน้มที่จะพัฒนาต่อยอดเพิ่มได้อีกหลายสาขา แล้วมีวิธีไหนบ้างล่ะที่จะทำให้เราทราบว่าต้องลดต้นทุนเพื่อควบคุมสิ่งต่างๆในร้านบ้างวันนี้เรามีมาแนะนำกันสัก 5 วิธีด้วยกัน
1.สร้างสรรค์เมนูหลากหลายโดยใช้วัตถุดิบที่มีอยู่แล้ว
เราสามารถใช้วัตถุดิบต่างๆที่มีอยู่แล้ว ในร้านมาคิดเมนูใหม่ๆ แบบมิกซ์วัตถุดิบที่มีอยู่แล้วให้เกิดเมนูมากมายจะทำให้เราประหยัดต้นทุนได้มาก แทนที่เราซื้อวัตถุดิบมากมายเพื่อมาคิดเมนูใหม่ๆ ในที่นี้เราสามารถนำไปใช้ในการคิดเมนูพิเศษในช่วงเทศกาลต่างๆ หรือทำเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้านได้แบบไม่เหมือนใคร
2.อุปกรณ์ช่วยในการชั่งและตวงที่มีมาตรฐานและสูตรที่คงที่
การที่มีสูตรชงเครื่องดื่มที่คงที่จะช่วยให้เมนูเครื่องดื่มทุกแก้วมีรสชาติมาตรฐานที่เหมือนกัน และลดการสิ้นเปลืองในการเพิ่มลดอัตราส่วนในการชงที่ไม่ชัดเจนไปได้ ในส่วนของการบดกาแฟก็สามารถลดการสิ้นเปลืองจากการบดที่ผงกาแฟกระจายด้วยการใช้อุปกรณ์ช่วยกันการกระจายที่เรียกกันว่า Dosing Ring และการที่เรามีอุปกรณ์ชั่งตวงที่ถูกต้องแม่นยำก็จะช่วยให้เราชงเครื่องดื่มโดยใช้ปริมาณที่มีอัตราส่วนที่เท่ากันทุกแก้ว และยังช่วยให้เราสามารถคำนวนต้นทุนต่อเมนูของเราได้ง่าย ในส่วนอุปกรณ์ก็เช่น ตราชั่ง แก้วชง ช้อนตวง
3.การมีสต๊อกที่พอดีและทราบอายุของวัตถุดิบ
การจัดเก็บสต๊อกวัตถุดิบที่พอดีและรู้วันหมดอายุของวัตถุดิบนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่เรานั้นควรรู้ เพราะในวัตถุดิบทุกอย่างจะมีความสดใหม่ทั้งกลิ่นและรสชาติที่ดีตั้งแต่เรานำมาใช้ในครั้งแรก การสต๊อกในจำนวนมากเกินไปจะทำให้วัตถุดิบมีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ และหากนานเกินไปยังไม่มีการทำมาใช้งานก็ทำให้คุณภาพลดลง เสื่อมสภาพ หรือบางครั้งอาจหมดอายุการใช้งานไปได้ ดังนั้นการทำสต๊อกจะทำให้ทราบถึงจำนวนที่นำเข้ามาใช้ในร้านไปจนถึงอายุของวัตถุดิบได้ หากเราควบคุมจุดนี้ได้ก็จะช่วยประหยัดในส่วนของการศูนย์เสียวัตถุดิบไปได้
4. ใช้ Coffee plus ทดแทนนมข้นหวาน ประหยัด คุ้มค่า
ในยุคที่วัตถุดิบหลักๆอย่างนมข้นหวานซึ่งเป็นส่วนผสมหลักของการชงเมนูกาแฟและเครื่องดื่มอื่นๆอีกมากมายในร้าน มีการปรับราคาสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา การหาวัตถุดิบที่สามารถมาทดแทนในราคาที่ถูกลงแต่ยังคงคุณภาพนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ซึ่งการเลือกวัตถุดิบอย่าง Coffee Plus มาแทนนมข้นหวานนั้นก็ช่วยได้ เพราะ Coffee Plus เป็นครีมนมแบบผงละเอียดและมีความหวานมันในตัว ที่เมื่อผสมกับของเหลวก็จะสามารถละลายได้อย่างดี สามารถชงได้ง่ายและรวดเร็วต่อการชงแต่ละเมนู ในตัวCoffee Plus เองยังสร้างกลิ่นหอมนุ่มเมื่อผสมลงในเครื่องดื่มและยังให้รสชาติกลมกล่อมอีกด้วย ที่สำคัญ Coffee Plus 1 ถุงยังให้ปริมาณที่มาก ทดแทนใช้นมข้นหวานถึง 7 กระป๋องเมื่อเปรียบเทียบแล้วประหยัดกว่าถึง 3-4 บาท ต่อแก้ว ทำให้เราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างมาก
5.การมีเครื่องทำน้ำแข็งประจำที่ร้าน
น้ำแข็งนั้นเป็นวัตถุดิบหลักที่เราต้องใช้เกือบทุกเมนูในร้าน และน้ำแข็งนี้เองที่เป็นต้นทุนหลักๆที่เป็นค่าใช้จ่ายประจำร้านอีกด้วย รู้ไหมว่าการมีเครื่องทำน้ำแข็งไว้ประจำร้านนั้นสามารถทำให้เราประหยัดค่าน้ำแข็งได้มากกว่า 50% เลยทีเดียว จุดเด่นของเครื่องทำน้ำแข็งปกติจะมีมาตรฐานความปลอดภัยจากเชื้อโรคและเป็นน้ำแข็งที่สะอาดไม่มีสิ่งปนเปื้อน ผลิตน้ำแข็งได้อย่างรวดเร็วแถมยังประหยัดไฟ และเราสามารถเลือกเครื่องทำน้ำแข็งที่ทำน้ำแข็งแบบเป็นก้อนสี่เหลี่ยม หรือเป็นน้ำแข็งที่เป็นเกล็ดได้อีกด้วย ขนาดของเครื่องทำน้ำแข็งก็มีหลากหลายขนาดซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามขนาดของร้านของเราเอง ทีนี้ก็ไม่ต้องลุ้นรอคนส่งน้ำแข็งว่าจะมาทันเปิดร้านอีกแล้วล่ะ
6.ส่วนลดที่มีให้สำหรับลูกค้านำแก้วมาเอง
ส่วนลด 5-10 บาท ที่มีให้สำหรับลูกค้าที่นำแก้วมาเองนั้นเป็นแนวทางที่ร้านสามารถลดต้นทุนของส่วนการใช้แก้วได้อย่างดีเลยทีเดียว และยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นปัจจุบันนี้ แนวความคิดนี้ยิ่งไปสอดคล้องต่อการรักษาสุขภาพของตัวลูกค้าเองด้วย และจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านได้อีกด้วยล่ะ
การหาวิธีมาลดต้นทุนต่างๆภายในร้านของเรา ควรคำนึงถึงคุณภาพของสินค้าที่ขายด้วย ในการลดต้นทุนต้องไม่มีผลกระทบต่อคุณภาพสินค้าในร้านของเรา ไม่ใช่คำนึงแค่ค่าใช้จ่ายที่ลดลงเท่านั้น คุณภาพของสินค้าที่ดีนั้นจะเป็นปัจจัยหลักและเป็นสิ่งที่ลูกค้าจดจำเป็นเอกลักษณ์ของร้าน ทำให้ลูกค้าเกิดการกลับมาใช้บริการอีกครั้งและอีกครั้ง
เรียบเรียงโดย : Hillkoff Academy
1 มิ.ย. 2566
8 มี.ค. 2566